อาการ ประจำเดือน หลัง ขูด มดลูก
- มะเร็งมดลูก มะเร็งปีกมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก อาการเป็นอย่างไร
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ( Endometrial Cancer ) สาเหตุ อาการ และการรักษา
หัวข้อ: มีก้อนเลือดหลังจากขูดมดลูก (อ่าน 20127 ครั้ง) สวัสดีค่ะคุณหมอฉัตรชัย ^^ นู๋ได้ไปขูดมดลูกหรือดูดมดลูก(ไม่แน่ใจค่ะว่าทำอย่างไหน) กับคุณหมอที่รพ. วิภาวดีมาค่ะ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12. 30 น. ค่ะ เสาร์ 11.. หลังกลับบ้าน มีอาการปวดหน่วงท้องมากกว่าปวดประจำเดือนหน่อย และมีเลือดออกในปริมาณที่ไม่เยอะมากนัก พร้อมกับมีลิ่มเลือดขนาดเล็กปนออกมาบ้าง อาทิตย์ 12.. อาการปวดหน่วงน้อยลง ปริมาณเลือดและลิ่มเลือดเล็กๆ ออกตามปกติ วันนี้(จันทร์ 13).. ช่วง14. 00-16. 00 น. ก็กลับมามีอาการปวดหน่วงท้องเท่ากับวันแรก พร้อมกับมีอาการปวดบีบและคลายสลับกันไปเป็นระยะ จนเวลา 17. นู๋ไปฉี่ก็มีก้อนเลือดขนาด กว้าง 2 ซม. ×ยาว 7 ซม. หลุดออกมาด้วยค่ะ จึงขอปรึกษาคุณหมอค่ะว่า ก้อนเลือดที่ออกมานี้ ผิดปกติหรือไม่ค่ะ? และอาการที่ปวดหน่วงท้อง หรือปวดแบบบีบและคลายนี้ เป็นปกติหรือไม่คะ? (เวลามีอาการปวดท้องจะกินพอนสแตน ตามที่พยาบาลแนะนำค่ะ) ขอบคุณค่ะ Orn คุณหมอคะ... การที่มีก้อนเลือดขนาดใหญ่ๆ หลุดออกมานี้ นู๋ควรจะรีบกลับไปให้คุณหมอตรวจเพิ่มเติมหรือไม่คะ และสาเหตุที่มีก้อนเลือดออกมานี้ เป็นเพราะอะไรคะ ปล. ลองถามจากพี่ที่รู้จักหลายคน เค้าจะมีออกมาแค่เลือดเหมือนประจำเดือนค่ะ ซึ่งไม่มีก้อนเลือดแบบนี้ นู๋เลยกังวลว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่ค่ะ ระหว่างรอคุณหมอมาตอบ..... สังเกตุอาการเพิ่มเติมได้ดังนี้ค่ะ 1.
มะเร็งมดลูก มะเร็งปีกมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก อาการเป็นอย่างไร
ขูดมดลูกช่วยให้มีลูกง่ายขึ้น จริงหรือ? การขูดมดลูกคืออะไร และสาเหตุใดที่ต้องขูดมดลูก อาการประจำเดือนหลังขูดมดลูก หลังขูดมดลูดจะท้องได้หรือไม่ บทความนี้ มีคำตอบค่ะ ขูดมดลูกช่วยให้มีลูกง่ายขึ้น จริงหรือ การขูดมดลูก (Uterine curettage) สาเหตุที่ต้องขูดมดลูก ขูดมดลูกราคาเท่าไหร่ อาการหลังจากขูดมดลูก กินอะไรได้บ้าง หลังจากขูดมดลูก กี่เดือนจึงจะท้องใหม่ได้ ขูดมดลูกช่วยให้มีลูกง่ายขึ้น จริงหรือ? การขูดมดลูก คืออะไร ( Uterine curettage) พญ.
การได้รับฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีได้ 2 กรณีด้วยกัน 1. 1 ฮอร์โมนวัยทอง ฮอร์โมนวัยทองมีหลายชนิดและหลายส่วนประกอบ บางชนิด (เอสโตรเจนอย่างเดียวไม่มีโปรเจสโตเจน) สามารถกระตุ้นโรคนี้ได้มาก บางชนิด (เอสโตรเจนที่มีโปรเจสโตเจนร่วมด้วย) ก็ไม่ทำให้เป็นโรคนี้ ดังนั้นผู้ที่รับประทานฮอร์โมนวัยทองควรปรึกษาแพทย์ก่อน และอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ 1. 2 สมุนไพร ยาสมุนไพรบางชนิดมีเอสโตรเจนปริมาณสูง เช่น กวาวเครือ และอีกหลายชนิดมีเอสโตรเจนแฝงอยู่โดยไม่รู้ การรับประทานสมุนไพรบางตัวจึงอาจทำให้เลือดระดูออกผิดปกติหรือเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ 2. ความอ้วนในชั้นไขมันของคนเราเป็นที่สะสมของเอสโตรเจน ดังนั้นยิ่งอ้วนมากยิ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้มากขึ้น 3. ยารักษามะเร็งเต้านม ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังผ่าตัด บางรายแพทย์แนะนำให้รับประทานยาป้องกันการกลับเป็นซ้ำ (ทามอกซิเฟน) ซึ่งยานี้มีลักษณะคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนจึงกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติได้ จึงสมควรได้รับการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด 4. ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เมื่อเป็นมากๆ อาจมีสิว ผิวมัน ขนดกร่วมด้วยกลุ่มนี้มีเอสโตรเจนสูงเช่นกัน 5.
ชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลศรีสุโข กล่าวถึง การขูดมดลูกช่วยให้มีลูกง่ายขึ้น จริงหรือไม่ คุณหมอให้ข้อมูลดังนี้ เรื่องของการขูดมดลูกนั้นมีความเข้าใจผิดที่เจอบ่อย คือ เชื่อว่าการขูดมดลูกทำให้มดลูกสะอาด และมีลูกง่าย จริงๆ แล้วโพรงมดลูกคนเรานั้นสะอาดดีอยู่แล้ว เท่ากับว่า การขูดมดลูกไม่ทำให้มีลูกง่ายแต่ประการใด คนที่มีลูกยาก ต้องขูดมดลูก เพื่อตรวจดูเยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามฮอร์โมน ส่วนการตั้งครรภ์จะเป็นเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงตกไข่ ไม่เกี่ยวข้องกับการขูดมดลูกค่ะ บทความจากพันธมิตร สรุปได้ว่า จากคำกล่าวของ พญ.
2021 | การขูดมดลูกเป็นเทคนิคการผ่าตัด ซึ่งประกอบด้วยการขูดผนังด้านในของมดลูกเพื่อดึงหนึ่งในสามชั้นออกมาคือเยื่อบุโพรงมดลูกคำถามที่พบบ่อยมากในหมู่ผู้หญิงหลายคนที่ได้รับการผ่าตัดนี้คือ คประจำเดือนครั้งแรกหลังข เนื้อหา: การขูดมดลูกคืออะไรและเสร็จสิ้นเมื่อใด มีประจำเดือนครั้งแรกหลังขูดมดลูก การขูดมดลูกเป็นเทคนิคการผ่าตัด ซึ่งประกอบด้วยการขูดผนังด้านในของมดลูกเพื่อดึงหนึ่งในสามชั้นออกมาคือเยื่อบุโพรงมดลูก คำถามที่พบบ่อยมากในหมู่ผู้หญิงหลายคนที่ได้รับการผ่าตัดนี้คือ ค ประจำเดือนครั้งแรกหลังขูดมดลูกควรเป็นอย่างไร.
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ 8. มะเร็งสมอง อาการปวดศีรษะนาน ๆ มักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มี อาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย 9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา เป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือ เป็นเวลานานน 10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก มีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้ 11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง รู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ 12. มะเร็ง ทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้น มีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อพื้นที่ทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียก ว่า ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกัน แน 13.
มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ( Endometrial Cancer ) สาเหตุ อาการ และการรักษา
ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เมื่อเป็นมากๆ อาจมี สิว ผิวมัน ขนดกร่วมด้วยกลุ่มนี้มีเอสโตรเจนสูงเช่นกัน 5.
- Adidas copa gloro 19. 2 fg ราคา 19
- 14 วิธีสังเกตุอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ – ศูนย์มะเร็งตรงเป้า
- จริงหรือไม่?? ขูดมดลูกช่วยให้มีลูกง่ายขึ้น ผลเสียของการขูดมดลูก มีอะไรบ้าง?
- มะเร็งมดลูก มะเร็งปีกมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก อาการเป็นอย่างไร
- ราคา พระ บูชา หลวง พ่อ วัด บ้านแหลม
- กรุงเทพประกันภัยดีไหม มาเช็คประวัติบริษัท กรุงเทพประกันภัย ที่โดดเด่นเรื่องบริการ – Easyinsure
- นิ ส สัน ดาวน์ 0
อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆของร่างกาย 1. มะเร็งปากมดลูก อาการมีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งๆ ที่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้ 2. มะเร็งในมดลูก มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ บางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง 3. มะเร็งรังไข่ อาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ การมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง 4. มะเร็งในเซลล์ (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่าย มีอาการซีดเซียวกว่าปกติ มักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียวหรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ มักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย บางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านล่างของช่องท้อง 5. มะเร็งปอด มักจะมีอาการไอบ่อยๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมา น้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 6. มะเร็งตับ อาการปวดในช่องท้อง เบื่ออาหารน้ำหนักลด ตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด 7.
ถ้าเดือนแรกของการกินยากระตุ้นไข่ เทสแล้วไม่ตั้งครรภ์... นู๋ต้องเริ่มกินยาชุดต่อไปในวันที่ 2 ของปจด. เลยใช่มั้ยคะ? และถ้าเดือนที่ 2 ก็ยังไม่ตั้งครรภ์อีก ต้องกินยาชุดที่ 3 ต่อเลยหรือไม่? (พอดีมียากระตุ้นไข่อีก 3 ชุดค่ะ // เลยไม่แน่ใจว่า ควรกินยาต่อเนื่องไปเลย หรือควรพบคุณหมอเพื่อปรึกษาก่อนเริ่มยาชุดใหม่) 2. ณ วันนี้ นู๋สามารถมี xxxกับสามีได้เลยหรือป่าวคะ? หรือ ควรเว้นระยะหลังดูดมดลูกให้นานกว่านี้คะ? (ไม่แน่ใจว่าจะอันตรายหรือส่งผลกระทบอะไรกับมดลูกหรือไม่ค่ะ)... ขอบคุณมากๆๆค่ะ.. 555 1. ใช่: PCOSมักไม่ตกไข่ ต้องรักษาให้ตกไข่ ทานยาได้เลย ต่อเนื่องทุกเดือน 2. หลังขูดมดลูก: จะมีเลือดออก มูกปากมดลูกจะเสียหน้าที่ในการป้องกันเชื้อโรค จากช่องคลอด ไม่ให้ขึ้นไป เข้าโพรงมดลูก พอเลือดหยุด มูกปากมดลูกจะเป็นปราการสำคัญ ในการป้องกันเชื้อโรค ไม่มีกฏเกณฑ์ที่แน่นอน ว่า ให้งด พสพ นานแค่ไหน เป็นที่ยอมรับกันว่า เลือดหยุดแล้วสัก2-3วัน น่าจะOK ขอบคุณค่ะคุณหมอ ^__^ ปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติมค่ะ เมื่อวันที่ 5 พย. ที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะไข่ตกค่ะ (จากเทสฉี่แล้วเข้มสุดและมีอาการปวดหน่วงท้อง) แต่วันที่ 7 พย. 57 นู๋มีอาการลำไส้อักเสบ ต้องแอดมิทเพื่อรักษาอาการที่โรงพยาบาลค่ะ และคุณหมอได้ให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือและจ่ายยาปฏิชีวนะมาให้กิน ชื่อยา MEIACT tablet 100/Cefditoren pivoxil 100 mg. นู๋ไม่แน่ใจว่า จะเป็นอันตรายหรือส่งผลกระทบอะไรกับการรักษามีบุตรยากหรือไม่ค่ะ?
มะเร็งชนิดนี้เติบโตได้โดยการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจน ดังนั้นภาวะใดก็ตามที่ทำให้มีฮอร์โมนเหล่านี้มากผิดปกติก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้ด้วย ได้แก่ 1. การได้รับฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีได้ 2 กรณีด้วยกัน 1. 1 ฮอร์โมนวัยทอง ฮอร์โมนวัยทองมีหลายชนิดและหลายส่วนประกอบ บางชนิด (เอสโตรเจนอย่างเดียวไม่มีโปรเจสโตเจน) สามารถกระตุ้นโรคนี้ได้มาก บางชนิด (เอสโตรเจนที่มีโปรเจสโตเจนร่วมด้วย) ก็ไม่ทำให้เป็นโรคนี้ ดังนั้นผู้ที่รับประทานฮอร์โมน วัยทอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ 1. 2 สมุนไพร ยาสมุนไพรบางชนิดมีเอสโตรเจนปริมาณสูง เช่น กวาวเครือ และอีกหลายชนิดมีเอสโตรเจนแฝงอยู่โดยไม่รู้ การรับประทานสมุนไพรบางตัวจึงอาจทำให้เลือดระดูออกผิดปกติหรือเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ 2. ความอ้วนในชั้นไขมันของคนเราเป็นที่สะสมของเอสโตรเจน ดังนั้นยิ่งอ้วนมากยิ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้มากขึ้น 3. ยารักษา มะเร็งเต้านม ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังผ่าตัด บางรายแพทย์แนะนำให้รับประทานยาป้องกันการกลับเป็นซ้ำ (ทามอกซิเฟน) ซึ่งยานี้มีลักษณะคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนจึงกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติได้ จึงสมควรได้รับการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด 4.